วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แผนภูมิวงรอบเหตุและผล (Causal Loop Diagram : CLD)

 แผนภูมิวงรอบเหตุและผล (Causal Loop Diagram : CLD)

แผนภูมิวงรอบเหตุและผล CLD จะทำให้มองเห็นความสัมพันธ์  และปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบดังนี้
  1. วงรอบการป้อนกลับ 1 วงรอบ หรือ มากกว่า ซึ่งเป็นทั้งกระบวนการเสริมแรงและกระบวนการสร้างความสมดุล
  2. ความสัมพันธ์ของเหตุและผลกระทบระหว่างตัวแปรต่างๆ
  3. ความหน่วงของเวลา(Delays)คือ มีปัญหา(input)เข้ามา
การวาดปัญหาออกมาเป็นแผนภูมิ จะทำให้มองออกว่า อะไร Must know อะไร Should know
S = Same หรือ + (Positive)
O = Opposite หรือ – (Negative)
R = Reinforcing Loop วงรอบเสริมแรง
B = Balancing Loop วงจรปรับสมดุล
วงรอบเสริมแรงจะขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน
“การเขียนผังเชิงระบบ” (System Diagram/Casual loop)
  1. กำหนด ประเด็นปัญหาหลักให้ชัดเจน (ที่เรื้อรังและเกิดซ้ำ) และสำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหา – อาการของปัญหา และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง
  2. ระบุ “ตัวแปรที่สำคัญ” ที่เป็นส่วนทำการขับเคลื่อนความเป็นไปของเหตุการณ์  โดยระบุชื่อให้ชัดเจนใช้คำพูดเป็นกลางหรือที่เป็นบวก
  3. ศึกษาพฤติกรรมโดยมองย้อนเวลาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
  4. เขียนกราฟแสดงพฤติกรรมเทียบกับเวลา (BOT)
  5. ทบทวนความสัมพันธ์ของตัวแปร
  6. วาด ผังเชิงระบบ (System diagram)

Spider Model

การคิดเชิงระบบด้วย SPIDER MODEL 

Spider Model

SPIDERMODEL เป็นการนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจไว้ใน1หน้ากระดาษเพื่อให้เห็นภาพไอเดียธุรกิจที่ชัดเจนและเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องซึ่งพัฒนามาจากBusinessCanvasและLeanCanvasการนำเสนอภายใต้กรอบโมเดลนี้จะทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ภาพรวมของความเป็นไปได้ทางธุรกิจ โดยวิเคราะห์ตามขั้นตอนในการคิดแบบเชื่อมโยงของปัจจัยต่างๆที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจและสามารถประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น คือ 1.ProductRisk2.CustomerRisk 3.MarketRisk 4.FinancialRisk รวมถึงการประเมินร่วมกับปัจจัยสนับสนุนและอุปสรรคเพื่อวิเคราะห์ว่าแนวคิดที่ผู้ประกอบการนำเสนอมีความเป็นไปได้(Feasibility)ภายใต้สถานการณ์ณปัจจุบันมากน้อยเพียงใดอย่างไรก็ตามระดับของความเป็นไปได้ย่อมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของนักลงทุนแต่ละคนว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับ โมเดลนี้มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ประกอบการได้นำเสนอแนวคิดที่นอกจากจะเห็นภาพไอเดียของตัวธุรกิจแล้วยังครอบคลุมปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอย่างครบถ้วนรวมทั้งช่วยให้เห็นภาพด้านผลตอบแทนและความเสี่ยงของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วยคำอธิบายตามกรอบSPIDERMODEL
สินค้าและบริการ : ประเภทของผลิตภัณฑ์และบริการที่ต้องการนำเสนอ 1.ปัญหาของลูกค้า(Problem) เป็นการคิดโดยใช้ความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (ที่เรียกว่าCustomerDevelopment)โดยระบุปัญหาที่ลูกค้าเจอคืออะไรผู้ประกอบการจะสามารถวิเคราะห์ได้ถึงขนาดของตลาดว่าใหญ่หรือเล็กเพียงใดได้โดยประมาณการจากจำนวนของลูกค้าที่ต้องเจอกับปัญหาดังกล่าว 2.ทางออกของปัญหา(Solution) สินค้าของเราสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างไรเป็นการนำเสนอทางเลือกในการออกจากปัญหาด้วยวิธีการที่แตกต่างจากสินค้าเดิมในตลาดเพื่อให้เข้าถึงโอกาสทางการตลาดและการเติบโตของธุรกิจในอนาคต 3.คุณค่าของสินค้าที่นำเสนอ(UniqueValueProposition) คุณค่าหลักของสินค้าและบริการที่ต้องการนำเสนอจะเห็นว่าใช้คำว่าUniqueคือเป็นคุณค่าหลักที่ต้องแตกต่างจากคู่แข่งหรือสินค้าเดิมในตลาด 4.กลุ่มเป้าหมาย(TargetCustomer) การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของธุรกิจซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ยอมควักเงินซื้อสินค้าและบริการของเรา 5.ช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย(Channel) วิธีการที่จะนำสินค้าให้เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่วางไว้รวมถึงการกระจายสินค้าซึ่งอาจทำได้หลากหลายวิธี 6.ทรัพยากรหลักที่มี(KeyResource) ซึ่งเป็นได้ทั้งคนทรัพย์สินทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพยากรที่มีและใช้สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันให้กับธุรกิจได้หรือเป็นทรัพยากรที่ช่วยสนับสนุนให้แผนธุรกิจดังกล่าวมีความเป็นไปได้ลดความเสี่ยงของผู้ประกอบการและนักลงทุน 7.กิจกรรมหลักของธุรกิจ(KeyActivities) เป็นการดำเนินงานหลักของธุรกิจที่จะทำให้เกิดUniqueValuePropositionในสินค้าและบริการเรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่จะทำให้โมเดลนี้ทำงานก็ว่าได้ 8.กระแสรายได้(RevenueStream) ช่องทางของรายได้ที่เข้ามาให้เห็นความชัดเจนว่าธุรกิจจะมีรายได้จากช่องทางไหนอย่างไรและเท่าไร 9.ต้นทุน(CostStructure) ค่าใช้จ่ายหลักของธุรกิจคืออะไรและเท่าไรทั้งส่วนที่เป็นต้นทุนคงที่(FixedCost)และต้นทุนผันแปร(VariableCost) 10.จุดคุ้มทุน(BreakEvent) การประมาณการถึงจุดที่ธุรกิจสามารถทำกำไรได้เท่ากับต้นทุนที่ลงไปอาจเป็นจำนวนชิ้นหรือเป็นระยะเวลาเพื่อให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนใช้เป็นแนวทางในการวางแผนด้านการเงินให้เหมาะสม 11. 4กรอบสุดท้ายคือการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของธุรกิจเพื่อประเมินว่าธุรกิจมีจุดแข็งจุดอ่อนโอกาสและอุปสรรคที่ต้องพบอย่างไรบ้าง

ตัวอย่าง


การเขียนกราฟแสดงพฤติกรรมภายใต้ช่วงเวลาหนึ่ง (DRAWING BEHAVIOR OVER TIME GRAPHS)

การเขียนกราฟแสดงพฤติกรรมภายใต้ช่วงเวลาหนึ่ง (DRAWING BEHAVIOR OVER TIME GRAPHS)

           กราฟแสดงพฤติกรรมภายใต้ช่วงเวลาหนึ่ง หมายถึง การคิดอย่างเป็นขั้นตอนด้วยแสดงพฤติกรรมของตัวแปรในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อมองเห็นทิศทาง แนวโน้ม รูปแบบการเปลี่ยนแปลง นาไปสู่การช่วยคิดสมมติฐานในการหาความสมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ 

         องค์ประกอบของกราฟแสดงพฤติกรรมภายใต้ช่วงเวลาหนึ่ง
          1. แนวนอนเป็นมิติเวลา คือ สิ่งที่แสดงช่วงเวลาการเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ เช่น ปี พ.ศ., เดือน ปี, วัน เวลา เป็นต้น
          2. แนวตั้งเป็นมิติปริมาณ คือ สิ่งที่แสดงถึงสาระของประเด็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลานั้น ๆ
การ


การเขียนกราฟแสดงพฤติกรรมภายใต้ช่วงเวลาหนึ่ง (Drawing Behavior Over Time Graphs)
         1. จุดเริ่มต้น หรือจุดปัญหาของสิ่งที่เกิดขึ้น 
         2. จุดก่อนหน้าปัจจุบัน (อดีต) 
         3. จุดปัจจุบัน 
         4. จุดอนาคต (เพื่อการทำนาย)

ตัวอย่าง
กราฟพฤติกรรมมาเรียนสายภายใต้ช่วงเวลา ๑ เดือน (Forest thinking)


ปิรามิด IPESA




ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พีระมิดipesa


ความหมายของปิรามิด IPESA

               ปิรามิด IPESA หมายถึง แผนภาพรูปทรงสามเหลี่ยมที่แสดงถึงการเชื่อมโยงและความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบของกระบวนการคิด และแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยประกอบด้วยประเด็นในการคิดอย่างเป็นระบบ โดยมี 5 องค์ประกอบตามตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวแรก เป็น IPESA ได้แก่
 I = Ideal Situation, P = Present Condition, E = Existing Problems, S=Solution Problems และ A=Aims of Solution

รายละเอียดขององค์ประกอบปิรามิด IPESA

         องค์ประกอบที่ 1 Ideal Situation คือ การเขียนหรือวิเคราะห์สังเคราะห์ความคิดจากสิ่งที่คาดหวัง สภาพที่พึงประสงค์ ของประเด็นนั้น ๆ ซึ่งได้แก่ การวิเคราะห์จากนโยบาย หรือแผนงานของเรื่องราวที่เกิดขึ้น เช่น นโยบายสุขภาพดีถ้วนหน้า หรือสิ่งที่เกิดจากหน่วยงาน นโยบายรัฐบาล เป็นต้น โดยควรมีการอ้างอิง และระบุแหล่งที่มาของความคาดหวังดังกล่าว

         องค์ประกอบที่ 2 Present Condition คือ สภาพปัจจุบันของสิ่งที่กาลังจะเกิดขึ้น โดยอาจเขียนเป็นลาดับข้อเพื่อเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่าง ๆ

         องค์ประกอบที่ 3 Existing Problems คือ สภาพปัญหาของประเด็นที่กาลังเกิดขึ้นโดยสัมพันธ์เชื่อมโยงกับสภาพปัจจุบันในองค์ประกอบที่ 2

         องค์ประกอบที่ 4 Solution Problems คือ การแก้ไขปัญหา โดยเป็นประเด็นการแก้ไขนั้นต้องสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น

         องค์ประกอบที่ 5 Aims of Solution คือ วัตถุประสงค์และเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา ว่าอยากให้เกิดวิธีการแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง